เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๗ ก.ค. ๒๕๖๒

เทศน์เช้า วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรม ถ้าใจของคนที่เป็นธรรม สังคมจะร่มเย็นเป็นสุข แต่ใจของคนที่เป็นธรรมครึ่งๆ กลางๆ มันก็สังคมก็ยังพออยู่ได้ แต่ถ้าใจที่มันเป็นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก สังคมเดือดร้อนมาก นี่ไง ความเป็นธรรมๆ ไง

แล้วที่เรามาวัดมาวากัน เราก็จะมาแสวงหาสัจธรรมความจริงในใจของเรา แสวงหาสัจธรรมความจริงในใจของเรานะ ไม่ใช่แสวงหาข้างนอก

นี่ไง เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ

เราเรียกร้องความเป็นธรรม ขอความยุติธรรม ทุกอย่างเราต้องการความเสมอภาค ต้องการความเท่าเทียมกัน ทีนี้ต้องการความเท่าเทียมกัน แต่เวลาคนเกิดมา คนเกิดมามันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ดูความประพฤติของคน มีความประพฤติของคนแต่ละคนมันประพฤติไม่เหมือนกัน แล้วมันจะเอาผลตอบแทนได้เหมือนกันได้อย่างไร

ชีวิตของเราก็เหมือนกัน เราเกิดในวัฏฏะๆ จิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราได้สร้างเวรสร้างกรรมมามากน้อยแค่ไหน เราสร้างบุญกุศลของเรามา เราเกิดมา เขาเป็นคนดีของเขาเพราะพื้นฐานของเขามาเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่พื้นฐานของเขาสิ่งที่ไม่ดีงามเกิดมาแล้วมันเอารัดเอาเปรียบเขา แล้วเราจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมในชาติปัจจุบันนี้ไง

แต่สิ่งที่เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงมีพระองค์เดียว ไม่มีซ้อน ไม่มีซ้อน เพราะการสร้างสมบุญญาธิการมามันมากมายมหาศาล มากมายมหาศาล

ในนิทานชาดกนั่นน่ะมันเป็นภพชาติของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ที่จะมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่ภพชาติสุดท้ายก็เป็นภพชาติของพระเวสสันดร พระเวสสันดรยังสละลูกสละเมีย สละทุกๆ อย่างขึ้นมาเพื่อความเป็นโพธิญาณ

การสร้างสมบุญญาธิการอย่างนั้นมันก็เป็นระดับของทานใช่ไหม แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องมาประพฤติปฏิบัติวิชชา ๓ บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ

อาสวักขยญาณ อาสวักขัยที่การชำระล้างกิเลสด้วยมรรคผล ด้วยมรรค ด้วยความดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ การงานชอบ ความชอบธรรมอันนี้ ที่เรามาวัดมาวากันเราก็จะพยายามมาศึกษาสิ่งนี้ไง

แม้แต่บุญญาธิการของเราไม่เท่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญญาธิการของเราไม่เท่าพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ แต่เราก็ได้สร้างบุญของเรามา ถ้าเราไม่ได้สร้างบุญของเรามา เราจะมาวัดมาวากันทำไม

การไปวัดไปวา ในทางโลกสังคมเขาเสียดสี “ไปวัดไปวามีแต่เสีย สู้ไปเที่ยวไปเล่นจะมีแต่ได้”

สิ่งที่ว่าเขาว่าจะได้ๆ เขาได้มา ได้มาด้วยวัตถุ แต่เขาได้มาด้วยฟืนด้วยไฟ มันเผาลนหัวใจ เห็นไหม

เราไปวัดไปวาขึ้นมา ถ้าเรามีบุญกุศลของเรา เราไปเสียสละๆ เสียสละสิ่งที่เป็นวัตถุไป แต่สิ่งที่ได้มา บุญกุศลที่ได้มา สิ่งที่ได้มาเป็นบุญกุศล สิ่งที่เราเห็นสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข เราไปเห็น อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา นี่มงคลชีวิตนะ เราไม่คบคนพาล เราจะคบบัณฑิต แล้วคบบัณฑิตไปคบที่ไหน

เราจะไปวัดไปวา ผู้ที่มีจิตใจที่เป็นบัณฑิต ผู้มีจิตใจที่เสียสละ เราเสียสละของเรา ทีนี้เราไปวัดไปวาแล้ว ผู้ที่ไปวัดไปวาแล้ว ความรู้สึกของคนมันไม่เท่ากัน ความรู้สึกของคนไม่เท่ากัน ถ้าใจเราเป็นธรรม พยายามข่มใจของเรา ข่มความไม่พอใจ ข่มความขัดแย้งนั้น เราใช้สติปัญญาข่มมันไว้ นี่คือการฝึกหัดเริ่มต้น ถ้าเราฝึกหัด เพราะใจมันเป็นธรรมไง

แต่ถ้าใจมันเป็นกิเลสนะ คนเท่ากันน่ะ ไอ้เรื่องแย่งชิงทำไมใครทำไม่เป็น เราก็ทำเป็น แล้วพอทำเป็น ไม่เป็นธรรมดานะ พอทำเป็นแล้วมันมีเล่ห์กลแล้ว คนที่ปัญญาเวลากิเลสมันพาใช้ กิเลสมันพาใช้ปัญญามันใช้ด้วยความเป็นเล่ห์เป็นกล เป็นเล่ห์เป็นกล เข้าไปแย่งไปชิง ไปชิงดีชิงชั่ว

หลวงตาท่านพูดประจำ ชิงดีชิงชั่ว ชิงดีชิงชั่ว

แต่ถ้าเราเป็นธรรมๆ ข่มใจเราไว้ ข่มใจของเรา เขามาเพื่อบุญกุศล ทุกคนมาเพื่อความดีทั้งนั้น แต่ความดี เพราะความดีของเขาเป็นผู้เริ่มต้น เป็นผู้หัดใหม่ ให้เขาเห็นของเขา ถ้าเขาเห็นของเขา คนที่เป็นธรรมมันละอายแก่ใจนะ เอ๊ะ! เขามาด้วยความเรียบร้อย เขามาด้วยความเป็นธรรม ไอ้เรามาแย่งมาชิงมาเบียดมาเสียด

พอเดี๋ยวมันทำอยู่คนเดียว คนอื่นเขานั่งมองนะ มันเก้อๆ เขินๆ มันต้องดัดแปลงของมันไป

นี่พูดถึงว่าถ้าใจเป็นธรรม สิ่งที่เป็นธรรมๆ เราคบบัณฑิตๆ บัณฑิตที่ดีกว่า การคบมิตรดี คบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด

แต่ในสมัยปัจจุบันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วนะ “ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเธอ ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเธอ”

เราก็ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศึกษามาแล้ว เราจะได้มากน้อยแค่ไหนก็ฝึกหัดของเราๆ

เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มันมีบุญกุศลมาก มีบุญกุศลมากไง บุญกุศลมากตรงไหน บุญกุศลมากตรงที่ว่า ถ้าเราทำถึงที่สุดแห่งทุกข์ เราเป็นอิสรภาพ ลัทธิศาสนาอื่นไม่มีเลย ให้พระเจ้าพยากรณ์

เราทำแทบเป็นแทบตาย เรายังต้องไปให้คนอื่นพยากรณ์ว่าเราดีหรือเราชั่วอีกหรือ แต่ของเราพระพุทธศาสนา เวลาพระพุทธศาสนา เริ่มต้นมันถึงได้เริ่มต้นด้วยความแบบว่าไม่มีจุดยืนไง ของเขา เขาพยากรณ์แล้วแต่พระเจ้าเขาสั่ง พระเจ้าเขาสั่ง เขาก็ทำตามนั้น

แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่อย่างนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า พระเจ้าไม่มี พระเจ้าไม่มีหรอก พระเจ้าคือการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ใครที่สร้างคุณงามความดีขึ้นมาก็ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม

สิ่งที่เป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม ใครเป็นพระเจ้า ก็เรานี่เป็นพระเจ้า ถ้าเราสร้างคุณงามความดีเราก็เป็นพระเจ้าเสียเอง แต่ในปัจจุบันนี้เราเป็นมนุษย์ ด้วยอายตนะ ด้วยความเห็นของเรานะ เราก็เห็นพระเจ้าไม่ได้ใช่ไหม เราเห็นพระเจ้าไม่ได้

ลัทธิศาสนาอื่นเขาเชื่อพระเจ้าๆๆ ให้มีการบงการชีวิตไง แต่พระพุทธศาสนาไม่เป็นอย่างนั้น

พุทธะ ความรู้สึกของเรายิ่งใหญ่ จิตวิญญาณของมนุษย์ยิ่งใหญ่ จิตวิญญาณของมนุษย์นี้ทำคุณงามความดีแล้ว บุญกุศล อย่างพระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ยิ่งใหญ่ แล้วเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาตายไปแล้วนะ เวลาไปเกิดในชั้นดุสิต ไปเกิดในชั้นนิมมานรดี ไปเกิดเป็นชั้นนั้นๆ แล้วก็เวียนลงมาๆ นี่ไง ผลของวัฏฏะไง นี่ผลของวัฏฏะ จิตใจที่ยิ่งใหญ่

แต่เราไม่ได้สร้างบุญกุศลมามากมายมหาศาลเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นผู้ที่สร้างบุญญาธิการมหาศาล ถึงจะได้เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ทำได้ด้วยตนเอง แต่สาวกสาวกะพวกเราผู้ที่ได้ยินได้ฟัง แม้แต่ได้ยินได้ฟังมันยังคัดเลือกใช่ไหม ถูกหรือผิดใช่ไหม ใช่หรือไม่ใช่ ชัวร์หรือมั่ว

ไอ้มั่วๆ มันก็มั่วๆ กันไป มั่วๆ กันไปแล้วตรรกะมันก็มั่วกันไป

ชัวร์หรือมั่ว ถ้าชัวร์ ที่พึ่งอื่นไม่มี ไม่มี มีแต่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วพระธรรมคืออะไร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ นี่ไง เราศึกษาธรรมะไง มาวัดมาวาเพราะเรามีบุญกุศล เรามีจุดยืน เราเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา เราเชื่อมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เพราะการใส่บาตร การบิณฑบาตนี้เป็นธรรมวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้ บัญญัติไว้กับบริษัท ๔ ไง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

อุบาสก อุบาสิกา อนาถบิณฑิกเศรษฐีเวลาไปเยี่ยมเพื่อน เห็นเพื่อนทำอาหารไว้มหาศาลเพื่อจะเลี้ยงพระๆ ไง เพื่อจะนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาฉันภัตตาหาร

“นี่เขามีงานอะไรกัน เขามีงานอะไรกัน”

“อ้าว! ไม่รู้หรือพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว นิมนต์พระพุทธเจ้ามา”

“หา? พระพุทธเจ้าหรือ พระพุทธเจ้าหรือ”

เขาได้ยินคำว่า “พุทธะ” เขานอนไม่ได้เลย เขาแสวงหาของเขา นี่คนที่มีบุญกุศลเขาหวังที่พึ่งๆ ไง

คำว่า “ที่พึ่งๆ” เห็นไหม เราทำมาหากินกัน หน้าที่การงานของเรา เราหาเงินเลี้ยงชีพเราก็มีความลำบากลำบน มีการเสียดสี มีความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ อันนั้นหาเลี้ยงชีพนะ เลี้ยงชีพคือเลี้ยงร่างกายนี้ไง เลี้ยงร่างกายเลี้ยงชีวิตนี้ไว้ไง แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลี้ยง เลี้ยงหัวใจ ชีวะ ด้วยธรรมะ ไม่มีสิ่งใดเข้าไปสู่หัวใจเราได้

หัวใจของเรา จิตใจของคน ดูสิ ความรู้สึกนึกคิดของคนไม่เหมือนกัน แล้วมันจะมีเหตุผลอย่างไรที่ให้หัวใจมันยอมรับ มันยอมรับความจริงไง ยอมรับความจริงนะ เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราธรรมดาไหม เราเจ็บ เราปวด เราแสบ เราร้อน เราพลัดพรากจากคนที่รักไป มันคร่ำครวญแสวงหาทั้งสิ้น

แต่เวลาครูบาอาจารย์ของเรามันเป็นเรื่องธรรมดา พอมีการเกิดมันก็ต้องเป็นวัยรุ่น ต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา แล้วก็ชราคร่ำคร่า แล้วก็ต้องจากไปเป็นธรรมดา แต่ชีวิตที่อุบัติขึ้นจนจะถึงสิ้นสุดนั้นน่ะ เราได้ทำสิ่งใด

นี่ไง พันธุกรรมของจิต โอกาสชีวิตหนึ่งที่เราได้ตัดแต่งมันไง ใครสะสม เห็นไหม ภาพสิ่งใด ปมในใจๆ ใครมีสิ่งใดที่ปมในใจไว้มันจะฝังใจนั้นไป ถ้าเราไปทำบุญกุศลที่ไหน เราไปภาวนาที่ไหน สิ่งที่เป็นคุณงามความดีมันก็จะฝังหัวใจของเราไป ถ้าฝังหัวใจของเราไปมันจะคิดแต่สิ่งที่ดีงาม มันจะแสวงหาสิ่งที่เป็นที่พึ่งที่อาศัยของมัน คนที่มีบาปอกุศลนะ เวลาปมในใจขึ้นมามันก็ประชดประชัน มันก็ไปทำเสียดสีทำลายคนอื่น มันก็ได้รับผลของมันมากขึ้นไป นี่ตั้งแต่เกิดจนตาย

ฉะนั้น เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ หลวงตาท่านสอน “ใครจะดีทำดีทำชั่วเรื่องของเขาเว้ย เราจะทำความดีว่ะ เราจะทำความดีว่ะ”

แล้วไม่ใช่ทำความดีธรรมดานะ เราจะทำความดีแบบหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ หลวงปู่มั่นอยู่ในป่าตลอดชีวิต

เจ็บไข้ได้ป่วยเขาไปโรงพยาบาล หลวงตาท่านพูดทีไรท่านสะอึกทุกที หลวงปู่มั่นเจ็บป่วยยิ่งเข้าป่าลึกเข้าไป

เขาเจ็บป่วยของเขา เขาต้องมีสิ่งที่พึ่งอาศัย หลวงปู่มั่นเวลาเจ็บป่วยขึ้นมามีแต่ข้าวต้มกับเกลือ เพราะอะไร เพราะหลวงปู่เจี๊ยะกับหลวงตาพระมหาบัวท่านเป็นผู้ที่อุปัฏฐากอยู่ เป็นผู้ที่ดูแลอยู่ ใครอย่ามาหลอก ไอ้เสียงร่ำเสียงลือโกหกทั้งนั้นน่ะ ไอ้พวกที่ไม่เคยไปอยู่ด้วยโม้ทั้งนั้นน่ะ

แต่เวลาท่านทำของท่าน เห็นไหม นี่ไง สิ่งที่ว่าเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา ท่านดูแลหัวใจของท่าน ท่านรักษาหัวใจของท่านไง นี่ถ้าใจมันเป็นธรรมไง ใจเป็นธรรม เพราะมันเห็นว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดา แล้วไม่ธรรมดาธรรมดานะ เพราะอะไร เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านจะประพฤติปฏิบัติ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย มันต้องมีฝั่งตรงข้ามว่าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แล้วไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยายามแสวงหามา จนเวลาอาสวักขยญาณทำลายในใจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ววิมุตติสุข พ้นจากการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย

แล้วพระพุทธศาสนาก็ยืนยันกันมา เรื่องวัฏฏะ เรื่องภพ เรื่องชาติ แล้วใครเชื่อบ้าง ชาติหน้ามีไหม สวรรค์มีจริงหรือเปล่า

เขียนเสือให้วัวกลัว

มึงไม่ต้องเขียนหรอก ตายไปทุกคนเห็นหมด จิตนี้ไม่มีเว้นวรรค มันต้องเสวยภพเสวยชาติ เคลื่อนจากนี้ไปมันก็เสวยภพชาติของมันแล้ว คนที่ไม่มีสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน สัมภเวสี สัมภเวสีมันตายไปแล้วมันไม่เสวยภพ มันเสวยสัมภเวสี มันไม่ได้เสวยภพชาติชัดเจน มันจะต้องไปอด ไปทน ไปหิว ไปกระหาย ไปทุกข์ไปยากๆ

นี่ไง ในพวกฤๅษีชีไพรเขาถึงให้ทำอาหารไปให้ทานตามสามแยกสี่แยกไง นั่นเพราะอะไร นั่นก็ภพชาติหนึ่ง สัมภเวสี

มีหรือไม่มีมันเป็นสิทธิ์ แต่ความจริงๆ นะ เวลาคนที่ภาวนาเขารู้ของเขา เขารู้ของเขา

เราทำหน้าที่การงานด้วยความทุกข์ความยากขึ้นมาเพื่อหาเลี้ยงชีพ มันก็มีความทุกข์ความยากขนาดนี้แล้ว แต่ความขนาดนี้แล้ว แต่ถ้าเรามีสติปัญญา ความทุกข์ความยาก ภาษาเรานะ มันเป็นเรื่องเท่ากันหมด ธรรมดา เพราะทุกคนต้องทำหน้าที่การงานเหมือนกัน แต่มันเป็นเวรเป็นกรรมไง สภาคกรรมๆ เราไปเจอหมู่คณะ ไปเจอเพื่อนที่ดีหรือเพื่อนที่ไม่ดี เราไปเจอเจ้านายที่เป็นอย่างไร

ถ้าเรามีสติปัญญา เราเป็นธรรมๆ เราก็รักษาหัวใจของเราไว้ ข่มใจไว้ ข่มใจไว้ ข่มใจไว้ ขันติธรรม ขันติธรรมเป็นบารมีสิบทัศขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ

บารมีสิบทัศที่จะมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บารมีสิบทัศมีขันติธรรมด้วยนะ ความอด ความทน ความข่มหัวใจเราไว้ อย่าให้กิเลสมันยุมันแหย่แล้วมันปรอทแตกออกไป มันไปสร้างเวรสร้างกรรมทั้งนั้นน่ะ ถ้าเราทำสิ่งใดไม่ได้ เราข่มของเราไว้ ข่มไว้

ไม่ได้ข่มไว้ด้วยความจนตรอก ไม่ได้ข่มไว้ด้วยคนที่ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่ได้ข่มไว้คนที่ไม่มีทางออก เราข่มไว้ด้วยสติ สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม เราข่มไว้ด้วยสติ แล้วถ้าเกิดมีสมาธิ มีความแน่วแน่ เราจะเกิดปัญญาของเรา

เราเกิดปัญญาของเรา ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการเราฝึกเราหัดของเราขึ้นมา ถ้ามันหัดขึ้นมามันเท่าทันความรู้สึกนึกคิดของเรา เราจะรักษามารยาท รักษาความคิด รักษาสิ่งต่างๆ แล้วก็ไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน

อันนี้ไม่ใช่ข่มเพราะไม่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ข่มเพราะเรายอมจำนน เราข่มด้วยคุณธรรม เราข่มด้วยคุณธรรม แล้วพอพ้นจากวิกฤติเหตุการณ์นั้นไปน่ะ พอพ้นจากเหตุการณ์นั้นไป เราภูมิใจมาก เราชนะ ชิตังเมๆ ชนะแล้ว ชนะอะไร

แต่นี่เราชนะกิเลสในใจเราเลย ชิตังเม เราชนะอารมณ์ที่มันจะปรอทแตกแล้วไปสร้างปัญหาผลกระทบกระเทือนต่อข้างหน้านั้นไป เรามีสติปัญญาข่มของเราไว้ด้วยสติด้วยปัญญาของเรา เราชนะใจของเราด้วย แล้วไม่มีผลกระทบกระเทือนสิ่งใดด้วย แล้วพันธุกรรมของจิตมันฝึกหัดของมันต่อเนื่องไป ฝึกหัดของมันต่อเนื่องไป ถ้าฝึกหัดของมันต่อเนื่องไป นี่คือการฝึกหัด นี่คือธรรมะไง

ไม่มีพระเจ้าที่ไหนจะมาช่วย ไม่มีศาสดาองค์ใดจะมาชี้ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ นะ สัจธรรมมันเป็นเหตุผลในตัวมันเอง สัจธรรมคือสัจธรรม เพียงแต่เราฝึกหัดว่าจิตใจเรามั่นคงขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน

แล้วคนเรามันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมอีกล่ะ หมายความว่า ถ้ามันมีเวรกรรมด้วยกันที่มันรุนแรง พอมันเห็นผลกระทบแล้วมันจะแสดงออก แต่ถ้าคนที่ไม่มีเวรไม่มีกรรมต่อกัน มันเห็นเป็นเรื่องปกติไง ยิ่งคนใกล้ชิดมันยิ่งกระทบกันแรงไง ถ้ากระทบกันแรง เห็นไหม

นี่ไง ที่บอกว่า แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร

คำว่า “แพ้เป็นพระ” เราคิดว่าเราพ่ายแพ้ เราไม่มีศักดิ์ศรี เราเป็นคนไม่เอาไหนใช่ไหมถึงต้องให้คนมาข่มขี่อยู่อย่างนั้นน่ะ แต่เราชนะไง เรารู้เท่าทันถึงอารมณ์ที่มันออกมาด้วย เรารู้ถึงว่าผลกระทบที่เราโต้แย้งไปด้วย เรารู้ถึงผลกระทบถึงสังคมด้วย เรารู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น เราเห็นสภาวะความเป็นจริงทั้งหมดเลย แล้วเราเป็นผู้ที่ไม่ให้มันเกิดขึ้น

เป็นพระหรือเป็นมาร

แพ้เป็นพระ แพ้แบบมีสติ แพ้แบบมีปัญญา แพ้แบบพระพุทธศาสนา

แต่แพ้อย่างนี้ ถ้าทางโลกว่าแพ้ แต่ถ้าเป็นทางธรรมเป็นผู้ชนะ ชนะตน

การชนะคนอื่นคูณด้วยแสน คูณด้วยล้าน สร้างเวรสร้างกรรมทั้งสิ้น ผลกระทบ ผู้ชนะมันมีความภูมิใจ ผู้แพ้ก็มีความผูกเวรผูกกรรม แล้วเขาจะต้องไปหาหนทางที่จะมาเอาคืนแน่นอน

ชนะคนอื่นคูณด้วยแสน คูณด้วยล้าน สร้างเวรสร้างกรรมทั้งสิ้น ชนะตนเองประเสริฐที่สุด แล้วเรามีสติปัญญาเท่าทันของเรานะ ประเสริฐหรือไม่ประเสริฐ

มันประเสริฐ ประเสริฐในตัวเรา แล้วพุทธะ ใจเรารู้เอง

ความลับไม่มีในโลก ใครทำความชั่วความหยาบช้าระดับไหน มันทำมันรู้ คนทำคุณงามความดีดีมากขนาดไหน เขาทำเขารู้ แล้วรู้แล้วภูมิใจในหัวใจของตน ถ้าปรึกษาได้ พูดได้กับครูบาอาจารย์เราเท่านั้น

แต่ถ้าไปพูดกับโลก “เฮ้ย! มึงโง่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ มึงยอมเขาขนาดนี้เชียวหรือ” ถ้าไปปรึกษาทางโลกไง

แต่ถ้าไปหาครูบาอาจารย์นะ ครูบาอาจารย์จะยกย่องสรรเสริญ นี่ไง สิ่งที่มีสติปัญญาเท่าทันตัวเราๆ

นี่แค่โลกๆ นะ แค่หาเลี้ยงชีพนะ ในสังคมนะ แต่ถ้าเราจะหาคุณธรรมล่ะ

เรามาวัดมาวาขึ้นมาเราจะมาประพฤติปฏิบัติไง เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เราจะต้องหาหัวใจของเราให้เจอไง สมถกรรมฐาน ฐานที่ตั้งแห่งการงาน เห็นไหม

เราเกิดมาเป็นคน เราเกิดจากพ่อจากแม่ใช่ไหม เรามีวันเกิด เรามีทะเบียนบ้านใช่ไหม เรามีสิทธิในทางกฎหมายใช่ไหม เราทำสิ่งใดเราจะได้รับผลประโยชน์นั้นใช่ไหม

เราภาวนาทิ้งเหว ภาวนาไม่ได้อะไรเลย ภาวนาแล้วไม่มีใครได้ผลประโยชน์อะไรเลยหรือ

เราภาวนาขึ้นมาถ้าจิตมันสงบ นี่ไง เราพยายามฝึกหัดภาวนาค้นคว้าหาใจของตน ถ้าค้นคว้าหาใจ หาพุทธะ พุทธะคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ผู้รู้คือจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของคนนี่แหละ แต่สัญชาตญาณของมนุษย์มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ มันมีอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกไม่ใช่จิตวิญญาณ อารมณ์ความรู้สึกเกิดบนจิตวิญญาณ

อารมณ์ความรู้สึก แล้วจิตวิญญาณ ปฏิสนธิจิตถ้ามันสร้างเวรสร้างกรรมมามากน้อยแค่ไหน อารมณ์ความรู้สึกของคนถึงไม่เหมือนกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิภาณไหวพริบของคนมันไม่เท่ากัน ถ้าปฏิภาณไหวพริบไม่เท่ากัน ถ้าเวลาภาวนาไป ภาวนาได้ง่าย ภาวนาได้ยาก คนมีบุญมีกุศลภาวนาแล้วจะเป็นหรือไม่เป็น

นี่ขนาดว่าหาเลี้ยงชีพยังลำบากลำบนขนาดนั้น แล้วจะหาคุณธรรมในใจของตน ในใจของตน เห็นไหม ถ้ามีคุณธรรมในใจของตนนะ ประเสริฐมาก

ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด

ประเสริฐที่สุดเพราะอะไร

ประเสริฐที่สุดเพราะว่าเกิดมาแล้วปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุธรรมได้อย่างไร

เวลาหลวงตาท่านสิ้นกิเลส องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไรหนอ มันมหัศจรรย์ลึกลับซับซ้อนมาก

ลึกลับซับซ้อนจนอย่างไร ต้องกดคอมพิวเตอร์ใช่ไหม ต้องซูเปอร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ค้นคว้าเลย...ไม่มีทาง ไร้สาระ วิทยาศาสตร์ ผลของวัฏฏะ ทฤษฎี เอาไว้ด้วยความเจริญของโลก ด้วยวัตถุ ด้วยความเป็นอยู่ สุขภาพชีวิตเท่านั้น

สุขภาพจิต สุขภาพธรรมต้องค้นคว้าเอง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้ทาง มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ อยู่ในใจของเรา ถ้าเราค้นคว้าได้

แต่ตอนนี้กิเลสมันครอบงำ กิเลสครอบงำจนชิงดีชิงชั่ว ถ้าเป็นธรรม เชิญ ใครจะแซงหน้าแซงหลัง เชิญ เดี๋ยวมันจะไปคว่ำอยู่ข้างหน้านั่นน่ะ เพราะไม่มีใครพอใจหรอกที่คนมาชิงดีชิงชั่ว ไม่มีใครพอใจทั้งสิ้น แต่เรามีคุณธรรมพอที่เราจะคุมหัวใจของเราไม่ไปชิงดีชิงเด่นกับใคร

เราจะชิงดีชิงเด่นกับความรู้สึกนึกคิด คิดชั่ว คิดเห็นแก่ตัว ขี้เกียจขี้คร้าน ผัดวันประกันพรุ่ง ต้องเอาชนะมัน เอาชนะความขี้เกียจขี้คร้าน พูดแล้วไม่ทำ ตัดสินใจแล้วไม่ทำ ตั้งสัจจะแล้วยังไม่ทำ ต้องเอาชนะมันให้ได้

ถ้าเอาชนะมันให้ได้นะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนานะ จะเวลามากเวลาน้อยไม่สำคัญ สำคัญว่าจิตเราสงบไหม สำคัญว่าวุฒิภาวะของจิตสูงขึ้นไหม

เราจิตใจนี้สูงขึ้น เห็นสิ่งต่างๆ เห็นสัตว์โลกแล้วเมตตาสงสารเขา ใครต้องการสิ่งใดให้เขาไปเลย ใครต้องการ เชิญ เราไม่ต้องการสิ่งที่เป็นวัตถุ เราต้องการสิ่งที่เป็นน้ำใจ

สิ่งที่คนที่คิดดีๆ ความคิดที่ดีๆ หัวใจที่ดีๆ ทำให้สังคมน่าอยู่ ทำให้เพื่อนบ้านมีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วหัวใจเราจะประเสริฐขึ้นๆ แล้วสังคมอย่างนี้หาที่ไหน

หลวงพ่อพูดนี่ในโลกนี้ไม่มีหรอก มีแต่เขาไม่ทำอย่างนี้

“ใครจะทำดีทำชั่วเป็นเรื่องของเขา เราจะทำคุณงามความดีว่ะ”

คำว่า “เราจะทำคุณงามความดี” คือวุฒิภาวะของใจของเรา เพราะวุฒิภาวะของใจของเราอย่างนี้มันถึงจะสูงขึ้น ดีขึ้น พัฒนาขึ้น มันต้องเป็นวุฒิภาวะอย่างนี้

เราไม่เทียบกับความชั่ว ไม่เทียบกับคนเหลวไหล เราจะเทียบต้องเทียบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพฤติกรรมในชีวิตของท่าน ท่านทำตัวอย่างไร พระโพธิสัตว์ทำตัวอย่างไร

เราอยากจะพ้นทุกข์ อยากจะเป็นคนดี เราจะเอาแบบอย่างจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เอาแบบอย่างของคนพาล อเสวนา จ พาลานํ ไม่คบมัน คบบัณฑิต แล้วอารมณ์ที่ชั่วก็พยายามผลักไสมัน ไม่คบมัน จะคบแต่คุณงามความดี แล้วพยายามฝึกหัดหัวใจของเรา

นี่มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโกในใจของเรา เพื่อเรา ไปวัดไปวาฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจดวงนี้ เอวัง